สำหรับผู้ที่ยังไม่มีแผนการเดินทางเที่ยวในฮอกไกโด และยังไม่มีประสบการณ์การมาเที่ยวฮอกไกโดเลย แนตมีโปรแกรมเดินทางง่ายประหยัดค่ารถ ค่าเดินทางมานำเสนอเพื่อนๆคะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์
⭐HOTEL แนะนำ⭐
ที่ทำให้เราเดินทางในแผนนี้ง่าย คือ ควรอยู่แถวสถานี Sapporo /Odori/Susukino/Nakajima Park จะทำให้การเดินทางง่ายขึ้นคะ
แผน 1 Day Tour เส้นทางการเดินเที่ยว
- สถานีซัปโปโร
- มหาวิทยาลัยฮอกไกโด
- ศาลาว่าการฮอกไกโด
- หอนาฬิกา
- สวนOdori
- TV Tower
- Tanukikoci
- ตลาดปลาNijo
- Susukno
- ตรอกราเมง
- .札幌駅
- 北海道大学(北大)
- 北海道庁旧本庁舎(赤れんが庁舎)
- 時計台
- 大通公園
- テレビ塔
- 狸小路
- 二条市場
- ススキノ駅
- ラーメン横丁
สถานีซัปโปโร Sapporo Station
เริ่มต้นที่สถานีซัปโปโร ที่แนะนำที่นี่เนื่องจากการเดินทางง่าย ที่นี่มีทั้งJR รถไฟใต้ดิน Taxi Busต่างๆ และในอนาคตอันใกล้ก็จะมีชินคังเซ็น(ประมาณปี 2030)
ที่นี้เป็นLand Markที่แนะนำ ด้วยความที่ทำเลตั้งอยู่กลางเมืองเดินทางง่าย จึงเป็นที่นิยมของคนเมืองนี้คะ เป็นที่ช็อปปิ้งหลัก สินค้าเยอะ ร้านค้ามากมาย ราคาหลากหลาย มีหลายตึก อยู่ในที่เดียวกันเช่น Esta Pia Stellar Place JR tower Paseo Daimaru และรอบๆแถวนี้มีตึก โรงแรม มหาวิทยาลัย บริษัทห้อมล้อม ตกเที่ยงก็จะมาทานกลางวัน เลิกงานก็มาเดินเล่นปัดเปาความเครียดที่เจอกันได้พอสมควร และที่นี้ก็ยังมี จุดชมวิว T38 (T38 Observation Deck) ซึ่งอยู่ชั้นบนของอาคาร JR Tower เหนือสถานีรถไฟ ที่ชั้น38 สูง 160 เมตรสามารถขึ้นไปชมวิวเมืองกันได้นะคะค่าเข้าชมอยู่ที่ 720 เยน
- เวลาเปิด-ปิด: 10:00-23:00 (เข้าชมก่อน 22:30)
- ร้านค้าส่วนใหญ่เปิดเวลา 10.00 -21.00 น.
- ร้านอาหารส่วนใหญ่เปิดเวลา 11.00 -21.30 น.
- การเดินทาง จากสนามบินChitose
- รถไฟ JR: Shinchitose Airport-Sapporo Station 38นาที
- แบบไม่เลือกที่นั่งUnreserved 1,150/สำรองที่นั่งReserved1,990 เยน
- BUS Shin Chitose Airport-Sapporo Station(Airport Liner Bus)
- สามารถขึ้นได้ทั้งฝั่งInternation และ Domestic 1,100เยน
- ฝั่ง Internation ซื้อตั๋ว Hokuto Kotsu 1F
- ฝั่ง Domestic ซื้อตั๋วที่ Chuo Bus Ticket 1F
- รถไฟใต้ดิน มีสองสายที่มาสถานี Sapporoได้คือ Toho และNambo line ใครอยู่ใกล้สายTozai สามารถเปลี่ยนสายได้ที่สถานี Odori
มหาวิทยาลัยฮอกไกโด (北海道大学)
เดินออกจากสถานีซัปโปโรไปทางประตูทิศเหนือ เดินไปมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ประมาณ 5นาที เราก็จะเจอมหวิทยาลัยเก่าแก่และขนาดใหญ่เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในซัปโปโร เนื้อที่1.77 ล้านตารางเมตร ของที่นี้ถือว่าใหญ่มากจนคุณอาจหลงทางได้
เป็นมหาลัยดังประจำฮอกไกโด ที่ที่รวมเด็กหัวกะทิชาวเหนือเอาไว้ และเป็นอันดับ6ของญี่ปุ่น มีวิชาเรียนหลากหลาย 12 คณะและ 21 บัณฑิตวิทยาลัย ศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยฮอกไกโด มีทั้งผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล ผู้นำทางธุรกิจ นักวิจัย นักแสดง และนักเขียน สามารถเข้าไปเดินชิวๆสัมผัสบรรยากาศร่มรื่น มีป่าเอล์ม ต้นไม้ยักษ์อายุมากกว่า 100 ปี หอประชุมฟุรุคาวะ( ไม้สองชั้น อาคารสไตล์ตะวันตกที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นห้องเรียนวิชาป่าไม้ได้รับการจดทะเบียนทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของญี่ปุ่น)และ รูปปั้นของดร.คลาร์ก วิลเลียม สมิธ คลาร์ก รองอาจารย์ใหญ่คนแรกของวิทยาลัยเกษตรกรรมซัปโปโร ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกมหาวิทยาลัยฮอกไกโดและเปิดทำการในปี พ.ศ. 2419
สามารถรับประทานอาหารกลางวันได้ในราคานักศึกษา เราขอแนะนำ “ชูโอโชคุโดะ” และหากคุณต้องการผ่อนคลาย ขอแนะนำ “ร้านอาหารเอล์ม”
เมนูยอดฮิต Beef Toro Don
เนื้อวัวสับที่ใช้วัวที่เลี้ยงในทุ่งหญ้าลี้ยงอย่างปลอดภัยและมีสุขภาพดีในฟาร์มใน Tokachi วางบนข้าวและเสิร์ฟพร้อมซอสรสเค็มหวาน จะสั่งไข่ออนเซ็นเพิ่มก็ยิ่งเข้ากันมากๆ
Highlight! Gingko Namiki หรือต้นแปะก๋วยที่วางเรียงราย สวยงามห้ามพลาดในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีแนวต้นแปะก๊วย! ต้นแปะก๊วยที่สวยงามประมาณ 70 ต้นเรียงรายไปตามถนน 380 เมตรที่เรียกว่าถนนคิตะ 13-โจ ใบไม้จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองในช่วงปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายนของทุกปี
ศาลาว่าการเก่าฮอกไกโด (北海道庁)
จากมหาวิทยาลัยฮอกไกโด ออกเดินทางไป ศาลาว่าการฮอกไกโดประมาณ 10-15นาที ศาลาว่าการหรือที่ทำการรัฐบาลเก่า (คนพื้นที่ จะเรียกกันว่า Akarenga หรือตึกอิฐแดง) ที่นี่เป็นLandmarkที่ต้องมาเช็คอิน ตึกอิฐแดงที่มีอิทธิพลมาจากสหรัฐอเมริกา การสร้างแบบนีโอบาร็อค ถูกสร้างไว้เพื่อที่ที่ทำการตั่งแต่พ.ศ. 2416 ใช้อิฐมากกว่า 2.5 ล้านก้อนเป็นอิฐที่ทำมาจากหมู่บ้านซิโรอิชิและโทโยชิร่า
ตึกนี้ผ่านการใช้งาน มายาวนานกว่า 80 ปีแต่ความงดงามที่เห็นนั้นได้รับการบูรณะซ่อมแซมใหม่หลังจากถูกไฟไหม้เมื่อปี พ.ศ. 2454 ทั้งความงามทางด้านสถาปัตยกรรมที่หลงเหลืออยู่ไม่กี่แห่งจนทะเบียนให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมสำคัญของชาติเมื่อปีพ.ศ. 2512 และดานนอกจากตัวอาคาร มีบรรยากาศสวนสวยตามฤดู มีดอกไม้ต่างๆ รวมทั้งซากุระด้วย ในฤดูใบไม้ร่วง กับใบไม้เปลี่ยนสี ฤดูหนาวก็หิมะปกคลุม เป็นอีกที่ที่แนะนำเลย หากมาซัปโปโรครั้งแรก ต้องมาที่นี้ด้วยนะคะ
- เวลาเปิด-ปิด: 8:45-18:00
- การเดินทาง เดินจากสถานีซัปโปโร 3นาที (ออกทางประตูใต้ ฝั่งตะวันตกหรือตรงฝั่งห้างDaimaru เดินตรงไป 2 บล็อก )
- Map: 6 Chome Kita 3 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-8588
- Tel: 0112314111
หอนาฬิกา時計台
จากศาลาว่าการหรือตึกอิฐแดง มุ่งไปทางตะวันออกเฉียงใต้ แล้วเดินไปราว 2บล็อกถนน เดินประมาณ10นาทีก็จะถึง หอนาฬิกาซัปโปโร
อีกหนึ่งสัญลักษณ์ของซัปโปโร อาคารทำด้วยไม้2 ชั้น ออกแบบด้วยศิลปะแบบอเมริกัน ด้านบนสุดเป็นหอนาฬิกายังคงเดินอย่างเที่ยงตรง สร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2421
เป็นส่วนหนึ่งของอาคารเรียนภายในวิทยาลัยการเกษตรซัปโปโร (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยฮอกไกโด) เป็นอาคารกลุ่มแรกที่สร้างขึ้นในเมืองนี้ ส่วนนาฬิกาเป็นของบริษัท อี.โฮเวิร์ด แอนด์ โค นครบอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐอเมริกา ได้รับการติดตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2424
ต่อมา เมื่อปี พ.ศ. 2511 หอนาฬิกาแห่งนี้ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของญี่ปุ่น และในปี พ.ศ. 2552 ได้รับการประกาศให้เป็นมรดกทางวิศวกรรมเครื่องกลของญี่ปุ่นด้วย ในปัจจุบัน หอนาฬิกาแห่งนี้ ถูกทำเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติของเมือง และความเป็นมาของวิทยาลัยเกษตรซัปโปโระ
- เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี ยกเว้นวันอาทิตย์ และเทศกาลปีใหม่ ค่าเข้า: 200 เยน
- ที่อยู่: 2 Chome Kita 1 Jonishi, Chuo Ward, Sapporo, Hokkaido 060-0001
- เบอร์: 011-231-0838
สวนโอโดริ
จากหอนาฬิการเดินไปสวนโอโดริ 5นาที ก็จะเจอ สวนสวยใจกลางเมืองที่ทอดตัวยาวจากตะวันออกไปตะวันตกโดยมีความยาว 1,400 เมตร คนส่วนใหญ่มาพักผ่อนหย่อนใจ
ที่สวนโอโดริแห่งนี้ ที่นี่เป็นที่รู้จักในฐานะสวนสาธารณะ มีการสร้างแนวกันไฟที่แยกใจกลางเมืองซัปโปโรออกเป็นฝั่งเหนือใต้ ในปีค.ศ.1871 (ปีเมจิที่ 4) ได้ชื่อว่าถนนชิริเบชิและถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโอโดริ และยังเป็นที่จัดงานเทศกาลขึ้นชื่อของฮอกไกโดอีกด้วย สามารถที่จะมาแวะได้ตลอดทุกฤดูกาล ในฤดูใบไม้ผลิมีเทศกาลดอกไลแล็ค ฤดูร้อนมีเทศกาล YOSAKOI โซรันและเบียร์การ์เด้น ฤดูใบไม้ร่วงมีเทศกาล Autumn Festival ซึ่งรวบรวมเอาอาหารของฮอกไกโดมาไว้ที่นี่ และในฤดูหนาวมีเทศกาลหิมะที่เป็นเทศกาลระดับโลก
การเดินทาง
- เดินจากหอนาฬิกา 5 นาที
- นั่งรถไฟใต้ดินจากสถานีซัปโปโร สาย Namboku Line หรือToho Line ได้เพียง 1 สถานีเท่านั้น
TV Tower
เมื่อมาถึงสวนโอโดริ ที่สุดปลายถนนด้านตะวันออก จะมีTV Tower -ขนาด 142.7 เมตร มีชั้นชมวิวสูงสุดที่ความสูง 90.38 เมตร โดยขึ้นลิฟต์ไปที่ชั้น 3 ใช้เวลาประมาณ 60 วินาทีที่ด้านล่างฟรี หากต้องการขึ้นไปด้านบน เพื่อชมวิว และมองเห็นสวนโอโดริที่เป็นแนวยาวได้ชัดและ เห็นเมืองซัปโปโรในมุมอื่นๆได้ชัดมากขึ้น
- ค่าบริการปกติ 1000เยน สามารถซื้อได้ที่ประชาสัมพันธ์ชั้น 3
- เวลาเปิด-ปิดไฟ : 24:10–5:00
- Link: https://www.tv-tower.co.jp/thai/
Tanukikochi
เมื่อเดินเล่น ถ่ายรูปสวยๆที่สวยโอโดริ และTV ทาวเวอร์เรียบร้อย ก็เดินตรงต่อมาที่ ทานุกิโคจิ ถนนคนเดินที่มีหลังคา กันแดด กันฝน กันหิมะ เป็นแหล่งช้อปปิ้งมีความยาว 7 บล็อกถนน มีร้านค้าตั้งเรียงรายอยู่กว่า 200 ร้านค้า มีร้าน อาทิร้าน ABC-MART / ร้านเสื้อผ้า/ เสื้อผ้ามือสอง /นาฬิกา /ร้านขายมีดญี่ปุ่น/ ร้านรองเท้า/ร้านสูท/ 2nd STREET/ Used Brand Shop THE GOLD/ ร้านแว่น FUJI MEGANE/ Don Quijote /ร้านยาต่างๆ ร้านของฝาก ร้านอาหารและอื่นๆ รวมทั้งที่นี่จะมีที่แลกเงินอยู่ที่บล็อคที่5 เผื่อใครบัตรไม่พอ และต้องการแลกเงินคะ
ตลาดปลา Nijo
ตลาดปลาย่านอยู่กลางใจเมืองซัปโปโร เป็นตลาดที่ได้รับความนิยม เนื่องจากการคมนาคมสะดวก สามารถแวะได้ขณะท่องเที่ยวในเมือง ตามทางเดินซึ่งติดกับทานุกิโคจิ บล็อกที่ 1 มีร้านที่เปิดดำเนินกิจการมาแล้วกว่า 100 ปี เป็นตลาดที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน มีลูกค้าขาประจำจำนวนมาก ตลาดปลานิโจเป็นตลาดขายวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่ดีที่สุด หลายปีมานี้บริเวณที่ตั้งตลาดปลานิโจเป็นสถานที่ที่มีร้าน อาหารและเครื่องดื่มที่มีลักษณะพิเศษเปิดตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้รับประทานข้าวหน้าอาหารทะเลที่ตลาดปลานิโจแล้วรู้สึกว่าสด อร่อยมากคะ
- เวลาทำการ7:00 น.-18:00 น. ย่านร้านอาหาร 6:00 น.-21:00 น. *อาจแตกต่างไปตามแต่ละร้านวันหยุดไม่มีวันหยุด
ย่านสุสุกิโนะ
แหล่งความบันเทิงยามราตรี ในเวลากลางคืนราตรี ทั้งไนต์คลับ บาร์ คาราโอเกะ สถานอาบอบนวด รวมกันมากกว่า 4,000 ร้าน อยู่ถัดจากทานุกิโกจิริ และอยู่รอบๆสถานีรถไฟใต้ดิน Susukino ในเวลาค่ำคืนบรรดาป้ายไฟโฆษณาบนตึกต่างๆในย่านนี้จะเปิดไฟประชันกัน สีสันละลานตาดึงดูดลูกค้ากันเต็มที่ รอบๆบริเวณนี้มีร้านอาหาร ภัตตาคาร
วิธีสังเกตได้ว่าคุณมาถึงย่านนี้หรือยัง สามารถสังเกตได้จากป้ายไฟโฆษณา NIKKA ตัวใหญ่ตรงหัวมุมตึก และจะมีป้ายไฟDisplay ร้านต่างๆที่สว่างไสวโดดเด่นตลอดทั้ง
ไฮไลท์อีกอย่างนี้ของย่านนี้คือ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีเทศกาลน้ำแข็งซูซูกิโนะ (Susukino Ice Festival) ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของงานเทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival ที่ทุกปีจะมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชมความสวยงามและความประณีตของงานสลักน้ำแข็งของที่นี่จำนวนมาก
วิธีการเดินทาง
- เดินจากทานุกิโคจิ ประมาณ5นาที
- สามารถใช้รถไฟใต้ดินสาย Namboku ลงสถานี Susukino ทางออกที่ 3 หรือ 5 (ค่าโดยสารจากสถานี Odori และ Sapporo มาลงสถานี Susukino คนละ 200 เยน)
ตรอกราเมง หรือ Ramen Yokocho
ที่สุดท้ายที่แนะนำเลยคือตรอกราเมงเล็กๆไปชิมราเมง ที่ตรอกราเมน Ramen Alley Sapporo เริ่มมีร้านต่างๆเขามาตั้งแต่ปี 1951 สองข้างทางเป็นร้านราเมนเล็กๆที่มีที่นั่งเพียง 10 กว่าที่ รสชาติของราเมนมีความหลากหลาย ซัปโปโรเป็นต้นกำเนิดของมิโซะราเมน(Miso Ramen) แต่ละร้านบริการอาหารคุณภาพและรสชาติเฉพาะของตัวเอง ตั้งแต่ความหนาของเส้นและส่วนผสมของมิโซะที่แตกต่างกันไป มีรูปภาพให้ดูก่อนด้วยครับว่าน่าตาของราเม็งของแต่ละร้านเป็นแบบไหน สามารถเลือกกันได้ง่ายๆแล้วเข้าไปสั่งได้เลยคะ
- เดินทางจาก สถานีรถไฟใต้ดิน สุสุกิโนะประมาณ5 นาทีเท่านั้น