ย้อนเวลาสู่ยุคเอโดะ ณ หมู่บ้านโออุจิ จูคุ จังหวัดฟุคุชิมะ
หลายๆคนคงเคยได้ยินคำว่า ‘ยุคเอโดะ’ ผ่านหูกันมาบ้าง ซึ่งเป็นยุคที่มีโชกุนเป็นผู้ปกครองสูงสุด และมีซามูไรเป็นดั่งนักรบที่เก่งกาจและเท่มากๆ แต่เคยสงสัยไหมว่าในยุคสมัยนั้นคนญี่ปุ่นเขาใช้ชีวิตความเป็นอยู่กันอย่างไร วันนี้ #NTtravel จะพาทุกคนย้อนเวลาสู่ยุคเอโดะ ณ หมู่บ้านโออุจิ จูคุ ในจังหวัดฟุคุชิมะ หมู่บ้านโบราณอายุหลายร้อยปีในช่วงฤดูหนาวที่มีหิมะสีขาวปกคลุมหนาแน่น ทำให้เป็นที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น
ย้อนกลับไปประมาณปี ค.ศ. 1640 หมู่บ้านโออุจิ จูคุ (Ouchi-Juku) ถูกสร้างขึ้นท่ามกลางแหล่งธรรมชาติที่สวยงามและเทือกเขาสูง ถูกใช้เป็นหมู่บ้านพักแรมระหว่างทาง เนื่องจากตัวหมู่บ้านตั้งขนาบข้างกับถนนสายหลักที่ใช้ในการสัญจรในสมัยนั้น ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างอาณาจักรไอสุและเมืองอิไมจิ ซึ่งการเดินทางในสมัยนั้นไม่ได้สะดวกสบายเหมือนอย่างทุกวันนี้ การเดินทางจึงเป็นการเดินเท้าเพียงอย่างเดียว ทั้งโชกุน ขุนนาง หรือพ่อค้าก็ตาม
หมู่บ้านโออุจิ จูคุ ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างอันทรงคุณค่าของชาติ โดยมีลักษณะเป็นหมู่บ้านโบราณยาวประมาณ 500 เมตร สำหรับอาคารบ้านเรือนในหมู่บ้านนั้นมีการมุงด้วยหญ้าคาหนาและมีการบูรณะให้กลายเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านขายสินค้าพื้นเมือง ร้านอาหาร และที่พักแบบญี่ปุ่น เพื่อใช้ดึงดูดนักท่องเที่ยว และจุดเด่นที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนคือทางน้ำที่คั่นระหว่างตัวถนนและตัวบ้าน ที่ใสจนมองเห็นฝูงปลาตัวเล็กๆแหวกว่าย ซึ่งชาวบ้านจะใช้ทางน้ำนี้ในการแช่ผัก ผลไม้ หรือเครื่องดื่มต่างๆ แทนการใช้ตู้เย็นตามวิธีโบราณนั้นเอง
เมื่อเดินเข้ามาตามถนนสายหลัก จะพบกับประตูโทริอิของศาลเจ้าทาคาคุระ ซึ่งเป็นผู้พิทักษ์แห่งหมู่บ้าน ทุกคนจะได้พบกับพื้นที่อันเงียบสงบเหมาะแก่การเดินเล่น และหากเดินขึ้นบันไดของศาลเจ้าขึ้นไปจะพบกับจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นหมู่บ้านโออุจิ จูคุที่อยู่เบื้องล่างได้
ภายในหมู่บ้านมีร้านขายของที่ละลึกและร้านอาหารตั้งเรียงรายมากมาย เมนูที่ไม่ควรพลาดคือ ‘เนงิโซบะ (Negi Soba)’ หรือโซบะต้นหอม เป็นเมนูโซบะที่โรยหน้าด้วยหัวไชเท้าขูดและปลาโอแห้งขูดฝอย เวลาทานจะใช้ต้นหอมยักษ์แทนตะเกียบ แล้วทานไปพร้อมๆกัน ทำให้ได้รสชาติที่หอมหวาน รู้สึกสดชื่นแจ่มใส นอกจากนี้ยังมีอาหารอื่นๆ ได้แก่ ‘โทจิโมจิ’ และ ‘ชิงโกโร่’ ซึ่งการเดินชิมอาหารพื้นถิ่นก็ถือเป็นกิจกรรมอีกเช่นกัน
และอย่าลืมซื้อของฝากประจำถิ่นอย่าง อะกะเบะโกะ (Akabeko) เป็นภาษาถิ่นซึ่งมาจาก เบะโกะ ที่แปลว่า วัว และ อะกะ ที่แปลว่า สีแดง แปลรวมกันว่า วัวแดง ซึ่งชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะคนในแถบฟุกุชิมะเชื่อว่า สิ่งนี้จะช่วยปัดเป่าและขจัดสิ่งชั่วร้ายไม่ให้ทำอันตรายแก่เด็กๆ
นับว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญทางประวัติศาสตร์ที่พาเราย้อนเวลากลับไปในอดีต และยังได้เรียนรู้วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวญี่ปุ่นสมัยก่อน นอกจากนั้นบรรยากาศรอบๆหมูบ้านก็ล้อมรอบไปด้วยธรรมชาติแสนสวยงาม มาซึมซับบรรยากาศแบบเอโดะในอดีตกันได้นะคะ
การเดินทาง : จากสถานียุโนะคามิออนเซ็น (Yunokamionsen Station) รถไฟท้องถิ่นไอสึ (Aizu Railway) โดยรถบัสซารุยุโก (Saruyu-go) ประมาณ 20 นาที หรือโดยรถแท็กซี่ประมาณ 15 นาที
เวลาทำการ : เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 16.30 น.
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 250 เยน, เด็ก 150 เยน
พิกัด : https://shorturl.asia/SKzNY
เว็บไซต์ : http://ouchi-juku.com